ทำความรู้จักกับก๊าซอะเซทิลีน (Acetylene)
ก๊าซอะเซทิลีน (Acetylene) เป็นก๊าซเชื้อเพลิงที่ให้ความร้อนสูง ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน ละลายในของเหลวได้ และเป็นก๊าซที่ใช้ในการเชื่อม โดยเผากับออกซิเจน หรือ งานตัด งานเซาะร่อง งานทำความสะอาดผิวเคลือบแข็ง อะเซทิลีน เป็นก๊าซที่ไม่เสถียร และมีน้ำหนักเบา ดังนั้นท่อก๊าซจึงถูกออกแบบพิเศษ เพื่อใช้ในการเก็บก๊าซอะเซทิลีน
ความเป็นอันตรายของก๊าซอะเซทิลีน (Acetylene)
- ไวไฟสูง ติดไฟได้ง่าย และมีความไวต่อการระเบิด
- ระเบิดแรงดัน: เมื่อเก็ดการกระแทก หรือ หากมีการรั่วไหลหรือเกิดประกายไฟ อาจเกิดการระเบิดได้
- การสูดดมก๊าซอะเซทิลีน ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือหมดสติ
- อะเซทิลีนสามารถทำปฏิกิริยากับวัสดุโลหะอัลลอยด์ที่มีส่วนผสม ทองแดง ตั้งแต่ 65% ขึ้นไป หรือ โลหะอัลลอยด์ที่มีส่วนผสมเงิน ตั้งแต่ 43% ขึ้นไป แล้วก่อนให้เกิดการลุกติดไฟและอาจระเบิดได้
- ข้อควรระวัง: ก๊าซอะเซทิลีนไม่ควรใช้แรงดันในการใช้งานเกิน 1 บาร์ (15 psi)เนื่องจากก๊าซอาจเกิดการแตกตัว อาจเกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้เกิดการระเบิดได้
แนวทางการป้องกันอันตรายจากก๊าซอะเซทิลีน (Acetylene)
- การจัดเก็บ:
– เก็บในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี
– เก็บในถังที่ออกแบบมาเฉพาะและตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ
– กำหนดพื้นที่จัดเก็บถังก๊าซตามประเภทก๊าซที่บรรจุในถัง ได้แก่ ก๊าซไวไฟ ก๊าซที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาหรือให้ก๊าซออกซิเจน และก๊าซเฉื่อย
– ใช้ถังบรรจุก๊าซที่ใช้หมุนเวียนจากผู้จำหน่ายเท่านั้น
– กำหนดสถานที่จัดเก็บถังก๊าซ และติดป้าย “ห้ามสูบบุหรี่” รวมทั้งกฎข้อบังคับต่างๆ
– เก็บถังไว้ในสถานที่ ที่ไม่มีโอกาสปนเปื้อนกับน้ำมัน จารบี หรือ สารหล่อลื่นต่างๆ
– ไม่ว่าถังนั้นจะบรรจุก๊าซหรือเป็นถังเปล่าให้ตั้งถังและยึดด้วยโซ่กันถังล้ม
– ทุกถังต้องติดรายละเอียดต่างๆ อย่างถูกต้อง และผ่านการทดสอบชัดเจน หากไม่ถูกต้องอย่ารับไว้ - การใช้งาน:
– ใช้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี
– หลีกเลี่ยงการใช้งานใกล้ประกายไฟหรือแหล่งความร้อน
– ห้ามนอนท่อ: ไม่ควรวางท่อนอนราบกับพื้น เพื่อป้องกันของเหลวไวไฟ และก๊าซรั่วไหล อาจเกิดการลุกติดไฟได้
– อย่าทำถังตกหรือล้ม เพราะถังอาจระเบิด หรือทำให้วาล์วชำรุดหรือแตกได้
– หลีกเลี่ยงวัสดุ ที่จะทำปฏิบัติการได้ เช่น โลหะ ที่มีส่วนผสม ของ เงิน ทองแดง หรือ ปรอท รวมถึง อลูมิเนียม บรอนซ์ อัลลอยด์กับทองเหลือง ( สีแดง ) - การป้องกันบุคคล:
– สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากและถุงมือ
– ฝึกฝนการใช้งานอย่างถูกต้องและมีการตรวจสอบความปลอดภัย